วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เวลาเท่ากับอายุของผม หรือ อายุของผมเท่ากับเวลา


          เมือผมเป็นเด็ก ผมก็คิดแบบเด็กๆ ปฏิบัติตนแบบเด็กๆ คือ ไม่คิดอะไรมากมายกับชีวิต เล่นไปวันๆอีกทั้งไม่สนใจในอนาคตที่จะเกิดขึ้นด้วยว่ามันจะเป็นอย่างไร ทุกๆวันในชีวิตก็จะคิดถึงแต่เรื่องขนม ของเล่น การ์ตูน โดยเฉพาะการ์ตูนเรื่อง ดราก้อนบอล นอกจากนี้ผมยังไม่มีความสามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้เท่าที่ควร  ต้องให้แม่ซักเสื้อผ้าให้ทุกครั้งและเวลาเจ็บป่วยพ่อกับแม่ก็ต้องพาไปหาหมอและดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่เสมอๆ จนแทบจะไม่อยากให้ช่วงชีวิตนี้ผ่านไปเลย เพราะผมมีความสุขมากในเวลาที่ผมได้อยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่และพี่น้อง แต่เวลาและอายุของผมมันไม่หยุดเดินนะซิ เพราะว่ามันเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆและอายุของผมก็มากขึ้นเรื่อยๆด้วยจนเข้าสู่ช่วงเวลาของวัยรุ่น 
          เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยที่ผมได้เริ่มออกห่างจากพ่อแม่ ผมก็มีโอกาสได้เข้าบ้านเณรคณะพระมหาไถ่ที่ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งตอนนั้นผมก็มีอายุได้ 12 ขวบ พอดีและผมก็เริ่มมีความคิดและอยากมีชีวิตในแบบที่ผมต้องการจะเป็นคือการมีชีวิตแบบวัยรุ่น เพราะมันดูเหมือนกับว่าชีวิตมันมีอิสระ ไม่โดนบังคับจากพ่อแม่และเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น แต่มันก็ต้องอยู่ในกฏระเบียบและขอบเขตที่บ้านเณรได้กำหนดใว้ อีกทั้งผมยังต้องดูแลรับผิดชอบชีวิตด้วยตัวของผมเองในด้านการเรียน การภาวนา การทำงาน การเล่นกีฬา การมีชีวิตหมู่คณะกับรุ่นพี่ รุ่นน้องและเพื่อนๆในบ้านเณร เพราะว่าผมไม่มีพ่อแม่ที่จะอยู่ใกล้ชิดและคอยรับผิดชอบดูแลชีวิตผมทุกๆวันตลอดเวลาเหมือนที่ผ่านมาในช่วงชีวิตของวัยเด็ก ซึ่งตรงนี้เองทำให้ผมตระหนักและเริ่มรู้สึกถึงคุณค่าและความหมายของชีวิตมากขึ้นว่า ผมต้องใช้เวลาทุกวินาทีของตัวเองในบ้านเณรนี้ให้มันมีประโยชน์และมีคุณค่าทั้งต่อตนเองและเพื่อนๆให้มากที่สุดเท่าที่จะได้ ทั้งเรื่องการเรียน การภาวนา การกีฬา การทำงานและการใช้ชีวิตกลุ่ม เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ที่ให้ชีวิตผมและบ้านเณรที่ช่วยอบรมและหล่อหลอมจิตใจของผมให้รู้จักกับ "พระเจ้า" มากกว่าตอนที่ยังเป็นเด็ก ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าชีวิตในวัยรุ่นของผมอาจจะไม่ตื่นเต้นและสนุกสนานเท่ากับชีวิตวัยรุ่นของผู้คนทั่วไปที่ต้องเผชิญและต่อสู้กับสภาพแวดล้อมจากสังคมและยาเสพย์ติดทั้งหลายในทุกๆวันของชีวิต แต่ผมก็รู้สึกได้ถึงคุณค่าและความหมายของชีวิตวัยรุ่นที่ผมได้รับจากบ้านเณรว่ามันก็มีความตื่นเต้นและสนุกสนานไม่แพ้ชีวิตข้างนอกเหมือนกัน อย่างไรก็ตามเวลาและอายุของผมมันก็เดินไปข้างหน้าเรื่อยๆเหมือนเดิม มันไม่เคยเดินถอยหลังเลย 
          เมื่อผมได้ผ่านช่วงชีวิตวัยรุ่นไปแล้วพร้อมทั้งเริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ผมก็มีความคิดแบบผู้ใหญ่ ปฏิบัติตนแบบผู้ใหญ่มากขึ้นตามวัยวุฒิและคุณวุฒิและผมได้มีโอกาสศึกษาถึงปรัชญาและมุมมองของนักปรัชญาแต่ละคนในอดีตจนถึงปัจจุบัน ณ วิทยาลัยแสงธรรม แห่งนี้ จากช่วงชีวิตตรงจุดนี้เอง ทำให้ผมผมได้รับแนวคิดและมุมมองในเรื่องของ "เวลา" มากขึ้นกว่าแต่ก่อน อีกทั้งยังเข้าใจความหมายของมันอย่างถ่องแท้ด้วยว่า "เวลากับอายุชีวิตของผมนั้นมันเท่ากันและผมไม่สามารถจะรู้ได้ว่าเวลาและอายุของผมจะหมดลงในตอนไหน แต่สิ่งที่ผมทำได้และควรทำในขณะที่ผมยังมีเวลาและมีชีวิตอยู่คือ การทำสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ที่สุดให้กับตนเอง คนที่ผมรักและผู้อื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ต้องไปสนใจว่าคนอื่นเขาจะว่าอะไร จะคิดยังไง เพราะผมคิดว่าถ้าผมทำดี ผมก็จะได้สิ่งดีๆเป็นรางวัลตอบแทนอย่างแน่นอนจากพระเจ้า ผู้ซึ่งผมรักและมีความเชื่อในพระองค์ แต่ถ้าผมทำสิ่งที่ไม่ดีให้กับตนเองและผู้อื่น ผมก็จะได้รับสิ่งที่ไม่ดีเข้ามาในชีวิตเท่านั้นเอง" ด้วยเหตุนี้ ผมคงไม่ต้องบอกหรอกนะว่า การทำดีควรทำกันยังไง ซึ่งผมคิดว่าในใจของมนุษย์แต่ละคนนั้นรู้อยู่แก่ใจและสามารถแยกแยะได้อยู่แล้วว่า "อะไรดี" และ "อะไรไม่ดี" และ ณ ตอนนี้ผมก็อายุได้ 23 ปี แล้ว เมื่อผมได้มองย้อนกลับไปในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของผม มันทำให้ผมเข้าใจว่า "เวลาของผมมันผ่านไปเร็วพอๆกับอายุของผมเลยนะเนี่ย"
          

26 ความคิดเห็น:

  1. จั่วหัวได้น่าสนใจมาก คนอ่านหัวข้อก็ชอบกันแล้วล่ะ
    หัวข้อสำคัญกับเนื้อเรื่องมากนะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณที่มาคอมเม้นให้นะครับ

      ลบ
  2. ผมว่านะพี่อายุพี่เท่ากับเวลาเลยอ่ะ 23ปีรู้ผ่านไปเร็มมากอ่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แทงกิ้วสำหรับคอมเม้นนะ เกียรติ อายุเป้นเพียงตัวเลข ฮ่าๆๆ

      ลบ
  3. ขึ้นหัวข้อได้น่าสนใจทีเดียวครับ เจ๋งครับเพื่อน

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณมากสำหรับคอมเม้น ฮ่าๆ

      ลบ
  4. การดำเนินชีวิตของเราต้องมีความหมาย การดำเนินชีวิตของพี่ทำให้ผมคิดได้ว่าผมต้องก้าวเดินไปแบบไหน

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ดีมากน้องที่บทความของพี่สามารถเป้นแรงบันดาลใจให้เอ้งได้ พี่ก็ขอบคุรสำหรับคอมเม้นเหมือนกันนะ ฮ่าๆๆ

      ลบ
  5. ดีมากครับ ชีวิตของเรามีหลายเรื่องที่กำลังรอความท้าทายให้เราตื่นเต้นอีกเยอะ

    ตอบลบ
  6. เรื่องราวน่าสนใจ...แต่......คงเป็นประสบการณ์เรื่องเวลากับคุณที่ดีที่สุดแล้วน้อ

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ สำหรับชีวิตกับการเวลานั้นเป็นสิ่งที่คู้กันเสมอ แต่ละช่วงเวลาที่ผ่านมาก ชีวิตของเราเองก็เหมาะสมกับเวลานั้นๆๆ สิ่งที่นายแบ่งปันเป็นสิ่งที่ดีที่เดียวทำให้ผมเองเห็นถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาของผมด้วย ขอบคุณนะครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณเช่นกันครับผม สำหรับคอมเม้นนะครับเดอร์สดใส ฮ่าๆ

      ลบ
  8. หน้าตาเท่ากับอายุแหละพี่ ส่วนบทความดีไม่เบาค่่ะ ถ่ายทอดได้ดีน่าสนใจ สมแล้วกับอายุ23 ปีค่า

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แทงกิ้วหลายๆนะน้อง สำหรับคอมเม้น ฮ่าๆๆ

      ลบ
  9. คนที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นได้คุ้ม ไม่ใช่คนที่กินเหล้า สูบบุหรี่ แว๊นส์รถ เที่ยวกลางคืน แต่เป็นคนที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบต่างหาก

    ตอบลบ
  10. อืม เห้นด้วยครับผม

    ตอบลบ
  11. เมื่อพูดถึงตัวเลข ยิ่งอายุตัวเลขนี่ใครๆคงไม่อยากพูดถึง บางคนไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองแก่ พยายามทำศัลยกรรมให้ตัวเองดูเด็ก ซึ่งความจริงแล้วน่าจะชื่นชมกับตัวเลขที่เพิ่มขึ้นตามอายุนะ อาจแถมด้วยตีนกา^_^ เพราะตัวเลขเป็นการบ่งบอกว่าเราค่อยๆๆโตขึ้นทั้ร่างกาย อารมณ์ ประสบการณ์ แต่สิ่งที่สำคัญคือยิ่งเราโตขึ้น เรายิ่งต้องมีใจเป็นเด็กมากขึ้น เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของผู้มีใจเหมือนเด็กๆ

    ตอบลบ
  12. ถ่ายทอดผ่านบทความได้ดีมากเรยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :)

    ตอบลบ
  13. " วัยรุ่นไทยในปัจจุบันควรปรับปรุงการดำเนินชีวิตในแต่วันใหม่ อย่างเช่น การนำวัฒนธรรมของต่างชาติมาใช้ คือ การแต่งกาย การกิน การใช้เทคโนโลยี การใช้จ่าย ชีวิตในครอบครัว นั้น ก็ควรปรับปรุงให้เข้ากับวัฒนธรรมของไทยและจะต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องและต้องการให้วัยรุ่นไทยใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และกระทำสิ่งต่างๆให้ถูกต้องตามกาลเทศะ ตามประเพณี เพื่อให้วัฒนธรรมที่ดีของไทยสามารถสืบทอดต่อไป "

    ตอบลบ