วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความทรงจำครั้งสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด

          "แม้อาจเป็นสุดท้ายที่ฉันได้เจอเธอ สุดท้ายที่ฉันได้มองเธอ จะบอกให้ฟังและย้ำว่าฉันนั้นรักเธอ แม้ฉันต้องจากไป แต่ภายในใจนั้นยังรัก เธอมีค่าเกินที่ฉันจะลืม ความทรงจำครั้งนี้ไม่มีลืม"

          
           นี่คือเนื้อเพลง "ความทรงจำครั้งสุดท้าย" ของศิลปินวงแคลชในช่วงท่อนรับที่สะกิดใจของผมทุกครั้งเมื่อได้ฟังเพลงนี้ เพราะมันทำให้ผมได้คิดถึงความทรงจำครั้งสุดท้ายกับเพื่อนสมัยประถมกลุ่มหนึ่ง เพื่อนกลุ่มนี้มีชื่อว่า "ตั้ม" "แบงค์" "จืด" "เป้า"และ "เบียร์" ผมได้รู้จักกับเพื่อนกลุ่มนี้เมื่อ 13 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นผมได้ย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนรังษีวิทยา ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เขตอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นอำเภอใกล้เคียงกับบ้านเกิดของผม ผมมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้เพราะว่าพ่อของผมต้องการให้ผมได้มีโอกาสเรียนในโรงเรียนที่ดีและมีระบบการศึกษาที่ดีกว่าในโรงเรียนประจำหมู่บ้าน เนื่องจากว่าป้าของผมเป็นครูและสอนที่โรงเรียนแห่งนี้มาหลายปี ป้าของผมจึงให้ผมมาพักอยู่ที่บ้านของท่านใกล้ๆโรงเรียนนี้และผมก็ต้องเดินไปโรงเรียนทุกวันเพราะบ้านของป้าอยู่ใกล้โรงเรียนนั่นเอง           
          วันแรกที่ได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ ผมรู้สึกโดดเดี่ยวมากเพราะว่าผมไม่รู้จักใครเลยและมันก็เป็นการย้ายโรงเรียนครั้งแรกของผม ผมคิดถึงเพื่อนที่อยู่โรงเรียนเดิมและทำอะไรไม่ถูก เมื่อเคารพธงชาติเสร็จพวกเรานักเรียนแต่ละชั้นก็ได้แยกย้ายกันเข้าห้องเรียนของตนเองรวมถึงผมด้วย ซึ่งตอนนั้นผมอยู่ห้องป. 5/5 มีจำนวนนักเรียนประมาณ 50 คน หลังจากที่เข้าห้องเรียนแล้ว ครูประจำชั้นของผมก็เช็คชื่อและให้นักเรียนแต่ละคนแนะนำตัว เมื่อถึงช่วงที่ผมต้องแนะนำตัว ผมก็แนะนำตัวเองได้นิดนึงและน้ำตามันก็ไหลเพราะว่าตอนนั้นผมยังไม่รู้จักเพื่อนในห้องเรียนและรู้สึกโดดเดี่ยวมาก จนครูประจำชั้นก็บอกว่า "ไม่เป็นไรนะ" แล้วท่านก็ให้ผมนั่งลงและบอกเพื่อนๆของผมว่าให้ช่วยปลอบและทำความรู้จักกับผม เพื่อที่ว่าผมจะได้รู้สึกโดดเดี่ยวเวลาอยู่ในห้องเรียน          
           เมื่อถึงช่วงพัก ผมก็เดินออกไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างที่ผมกำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ ก็มีกลุ่มเพื่อนในห้องของผมประมาณ 5 คน เดินเข้ามาทักทายพร้อมทั้งแนะนำตัวให้ผมรู้จักตามชื่อที่บอกไปข้างต้นและพวกเพื่อนๆก็บอกผมว่า "ไม่ต้องกลัวว่าไม่มีเพื่อนหรอก เพราะพวกเราเนี่ยจะเป็นเพื่อนนายเอง ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกกันได้นะ" แล้วหนึ่งในกลุ่มเพื่อนกลุ่มนั้นก็ให้เงินผม 20 บาท เพื่อเอาไปซื้อขนม ซึ่ง ณ ตอนนั้น ผมก็รู้สึกดีใจที่เพื่อนกลุ่มนั้นเข้าหาผมและชวนผมเข้ากลุ่ม ส่วนเงินที่ได้รับมา ผมก็รู้สึกเกรงใจเพื่อนเหมือนกันและผมก็บอกพวกเขาว่า "ผมไม่รับเงินได้มั้ย" แต่พวกเพื่อนๆก็บอกว่า "รับไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก เราเป็นเพื่อนกัน" ตั้งแต่นั้นมาผมก็เข้ากลุ่มกับเพื่อนๆและก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไปในเวลาที่มาโรงเรียน เพราะว่าผมมีเพื่อนกลุ่มนี้ที่ชวนไปเล่นฟุตบอล ตอนช่วงพัก และเวลาอยู่ในห้อง เพื่อนๆกลุ่มนี้ก็ช่วยเหลือผมทุกอย่างในด้านการเรียน การทำงานกลุ่ม รวมถึงการพูดคุยและเล่นกันในห้องเรียนด้วยในเวลาที่ครูยังไม่เข้ามาสอน นอกจากนี้เวลาที่โรงเรียนมีกิจกรรมแข่งกีฬาสีและงานคริสต์มาส เพื่อนๆกลุ่มนี้ก็ชวนผมเข้าร่วมกิจกรรมเสมอ เช่นเดียวกันกับเวลาที่เพื่อนผมต้องการให้ผมช่วยทำการบ้าน ผมก็ช่วยเหลือพวกเขาด้วยความเต็มใจในเรื่องที่ผมช่วยได้ เพราะว่าการบ้านบางข้อนั้น ผมก็ทำไม่ได้และต้องมาลอกเพื่อนๆในห้องเหมือนกัน (ฮ่าๆๆ) ซึ่งตรงจากนี้เอง ทำให้ผมมีความสุขกับการใช้ชีวิตที่โรงเรียนแห่งนี้มากกว่าตอนที่เข้ามาเรียนวันแรกเป็นอย่างมาก           
          ผมเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ได้ 2 ปี และก็ต้องย้ายโรงเรียนอีกครั้งคือ การย้ายเข้ามาเป็นเณรที่บ้านเณรพระมหาไถ่ ศรีราชาและได้ศึกษาต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชาตั้งแต่ ม.1-ม.6 และช่วงที่ผมอยู่ที่บ้านเณรหรือกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัวนั้น ผมก็คิดถึงพวกเขาและอยากเจอพวกเขาเหมือนกันตั้งแต่จบ ป.6 และจากกันมา แต่ผมไม่สามารถติดต่อกับพวกเขาได้ เพราะว่าผมไม่มีโทรศัพท์มือถือและไม่ได้ขอที่อยู่ อีเมล์และเบอร์พวกเพื่อนๆใว้ (ซึ่งสมัยที่ผมจบ ป.6 นั้ โทรศัพท์มือถือมันแพงมาก) ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่ได้ติดต่อและเจอกับพวกเขามาเกือบ 13 ปีแล้ว แม้ว่า ณ ตอนนี้ผมก็มีโทรศัพท์มือถือแล้ว ผมก็ยังไม่ได้ติดต่อกับพวกเขาเลย แต่ผมก็พอจะรู้อยู่บ้างเพื่อนบางคนอยู่ที่ไหน จากป้าของผมที่ยังสอนอยู่ ณ โรงเรียนแห่งนี้และผมก็ตั้งใจว่า ในวันคืนสู่เหย้าของโรงเรียนรังษีวิทยานั้น ผมอยากจะไปร่วมงานเพื่อเจอกับพวกเขาสักครั้งนึงในไม่ช้านี้ ซึ่งที่ผ่านมานั้น ทางโรงเรียนได้จัดงานตรงกับช่วงเวลาที่ผมเรียนทุกๆปีและผมก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ไปร่วมเลย           
          สำหรับตอนนี้ มันก็เหลืออีกแค่ปีเดียวที่ผมจะจบการเรียนการศึกษาในระดับปริญญาตรี ผมก็ตั้งใจว่าจะไปร่วมงานคืนสู่เหย้าของโรงเรียนสักครั้ง ซึ่งอาจจะเป็นปีหน้าก็เป็นได้และผมก็หวังว่าจะได้เจอกับเพื่อนๆกลุ่มนี้อีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าเวลามันจะผ่านมานานแล้วก็ตาม

17 ความคิดเห็น:

  1. ผมเชื่อว่าใลกใบนี้มันกลม สักวันพี่คงได้เจอพวกเขา :)

    ตอบลบ
  2. ช่างเยอะน้อเรื่องราวของคุณ อ่านเสร็จตาลายเลย ตัวหนังสือเล็ก แต่ก็เป็นเรื่องราวดีๆๆอีกเรื่องหนึ่งถ้าคุณเริ่มเขียนราวชีวิตประวัติคุณ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. บทความหน้า ผมจะพยายามให้ตัวหนังสือมันใหญ่กว่านี้นะ เดอร์บู้ ฮ่าๆๆ

      ลบ
  3. ต้องขอบคุณเดอร์หนิ๋วเป็นอย่างมากเลยนะคะ ที่ได้บอกเล่าเรื่องราวของตนเองให้กับพวกเราได้อ่านกัน มันทำให้เราได้นึกย้อนกลับไปตอนสมัยเรียนประถม มัธยม ที่ได้สร้างวีรกรรมต่างๆกับเพื่อนจนได้เข้าห้องฝ่ายปกครอง(สงสารพ่อมาก ฮ่าาา) แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นเพื่อนของเรานั้นจืดจางไป ในทางตรงข้ามมันกลับเพิ่มมากขึ้นๆ...ยังไงก็ขอให้สิ่งที่เดอร์ได้ฝันนั้นเป็นจริงนะคะ...ประเทศไทยเล็กนิดเดียวเอง 555+

    ตอบลบ
  4. เป็นความทรงจำที่ดีมากครับ ผมก็เคยเป็นเหมือนกับบราเดอร์ เมื่อครั้งเรียนมอปลาย แต่โชคดีมีเพื่อนมาชวนไปเล่นด้วย ทำให้ไม่รู้สึกโดเดี่ยว

    ตอบลบ
  5. ดีมากพี่ เพลงก็เพราะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เพลงเพราะจิงดิ งั้นครั้งหน้าจะเอาเพลงนี้ลงอีก 55

      ลบ
  6. ความทรงจำครั้งสุดท้ายมันไม่มีหรอกครับ
    มันมีแต่ความทรงจำที่คงอยู่ตลอดไปครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เออเนาะ มันก็ถูกของพี่นะ ฮ่าๆๆ

      ลบ
  7. ความทรงจำมันจะมีประโยชน์ถ้าเราย้อนกลับไปคิดถึงมัน มันจะยังคงอยู่กับเราตลอดไป
    มันจะดี หรือไม่ดีมันก็จะคงอยู่นะครับไม่มีความทรงจำที่ไหนหายไปได้ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุจิงๆๆ
    เป็นความทรงจำที่สุดยอดมากเดอร์ เก็บความทรงจำเหล่านี้ไว้นะครับ

    ตอบลบ
  8. "ภาพความทรงจำแรกเราพบกันยังจำฝังใจไม่มีเปลี่ยน
    ที่เคยพลาดพลั้งให้เป็นพลังอย่างน้อยก็ได้เป็นบทเรียน
    ฉันรู้เธอเหนื่อยหนักเท่าไรที่ต้องทำเพื่อฉัน
    ใครพูดยังไงไม่สนใจเพราะเธอทำเพื่อฉัน
    พยายามจะทำวันนี้ให้เธอมีความสุขมากที่สุด
    กับคำว่ารักที่ยังหายใจก็คงจะยังไม่หยุด"

    ตอบลบ