วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เวลาเป็นเครื่องมือที่พิสูจน์ความรักจริงหรือ?

                                          

                                 

                                      "หนทางพิสูจน์ม้า      กาลเวลาพิสูจน์คน"

         

          นี่คือสำนวนโบราณสำนวนหนึ่งที่เรามนุษย์ทุกยุคทุกสมัยได้รู้จักและเข้าใจกับความหมายของสำนวนนี้ได้เป็นอย่างดีว่า สิ่งต่างๆทั้งหลายที่ได้ก่อกำเนิดขึ้นมาและเป็นอย่างที่เราได้เห็นและสัมผัสนั้นล้วนแต่ต้องใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น ทั้งนี้ยังรวมไปถึงความเป็นบุคคลของเรามนุษย์แต่ละคนด้วยเช่นกันกล่าวคือ บุคคลที่เรารู้จักหรือคบหาด้วยนั้นยากนักที่จะรู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นคนเช่นไรและเราอาจได้ยินจากคนอื่นว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ดี ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้นเขาคนนั้นอาจเป็นตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราได้ยินและได้เห็นก็เป็นได้ ฉะนั้นกาลเวลานี้เองจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เรารู้ว่า แท้จริงแล้วบุคคลนั้นเป็นคนเช่นไร      

          มีคนเคยกล่าวใว้ว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นล้วนต้องใช้เวลา" ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้เพราะว่า ต้นไม้ที่จะเติบโตได้นั้นก็ต้องอาศัยการดูแลที่ดีและระยะเวลาในการเจริญเติบโต เช่นเดียวกันกับมนุษย์เราที่จะเจริญเติบโตทั้งกายและใจได้นั้น เราก็ต้องอาศัยระยะเวลาในการเจริญเติบโตและการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษด้วยความรักเหมือนกัน

          ด้วยเหตุนี้เองผมจึงอยากจะชวนให้ผู้อ่านได้ย้อนกลับไปพร้อมกันถึงช่วงเวลาในประวัติศาตร์ของผมที่ผ่านมาเมื่อครั้งสมัยที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่ง ณ ช่วงเวลานั้น ผมเล่นกีตาร์ไม่เป็นเลย ฉะนั้นผมจึงไปเรียนและฝึกเล่นกับรุ่นพี่ในบ้านเณร (ซึ่งก็มีรุ่นพี่หลายคนที่สามารถเล่นกีตาร์ได้ดีเยี่ยม) ผมก็ใช้เวลาฝึกฝนด้วยความตั้งใจและความรักเป็นเวลา 3 เดือน จนผมสามารถตีคอร์ดและเล่นเป็นเพลงได้ 1 เพลง ผมก็ดีใจมากที่ผมสามารถเล่นกีตาร์และร้องเพลงที่ผมชอบได้ในเวลานั้น และหลังจากนั้นผมก็เล่นกีตาร์เกือบทุกวัน (บางวันก็ต้องแย่งกันเล่นกับเพื่อนๆ พี่ๆ ในบ้านเณร เพราะกีตาร์มีจำนวนจำกัด) เมื่อเวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ผมก็สามารถเล่นกีตาร์ได้ดีมากกว่าเดิมในช่วงที่ฝึกฝนครั้งแรก อีกทั้งยังสามารถเล่นกีตาร์พร้อมทั้งร้องเพลงไปด้วยอย่างคล่องแคล่วมากกว่าแต่ก่อนด้วยเช่นกัน       

           เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าการที่ผมสามารถเล่นกีตาร์เป็นได้นั้นก็เป็นผลมาจากการที่ผมได้ลงมือฝึกฝนในการเล่นกีตาร์ด้วยความรักและความเอาใจใส่ ซึ่งผลที่ออกมานั้นก็ล้วนแต่เกิดผลดีทั้งต่อตัวผมเองในการที่จะใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และสร้างสรรค์ อีกทั้งยังก่อให้เกิดผลดีแก่บุคคลรอบข้างด้วยเช่นกันในเวลาที่ผมต้องเล่นกีตาร์เพื่อบรรเลงเพลงในมิสซา หรือแม้กระทั่งเวลาที่มีงานเลี้ยง ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้เองที่ผมคิดว่ามันล้วนต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสุจน์ทั้งสิ้น รวมถึงเรื่องการคบคนรักด้วยเช่นกัน       

           ดังนั้น  สำหรับผมแล้ว สำนวนนี้เป็นสำนวนที่ผมชอบมากและได้นำมายึดใช้เพื่อเป็นคติพจน์ในการดำเนินชีวิตของผมในแต่ละวันอยู่เสมอๆ ถ้าหากจะย้อนกลับไปนึกถึงช่วงเวลาที่ผมได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้นั้น ผมยอมรับว่า สำนวนนี้ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีงามต่อชีวิตของผมเป็นอย่างมากและผลลัพธ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นมาในชีวิตของผมนี้ ก็เป็นการอธิบายถึงความหมายของสำนวนนี้ได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกันว่า ระยะเวลาที่ผมได้ศึกษาร่ำเรียนและแสวงหาความรู้ในด้านต่างๆตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนกระทั่งถึงระดับปริญญาตรีชั้นปีที่สี่ในปัจจุบันนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่จะพิสูจน์ถึงตัวตนที่แท้จริงของผมในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่งว่า ผมได้พิสูจน์ตัวเองได้ดีมากน้อยเพียงใด? นั่นเอง         

          สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่า "เวลากับความรักนั้นล้วนมีความสัมพันธ์ต่อกัน เพราะว่า ความรักที่เรามีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นจะสามารถเกิดขึ้นได้ก็ต้องอาศัยเวลาและเวลานี่เองจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความรักที่เรามีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นมีคุณค่ามากมายเพียงใดต่อเราแต่ละคน"       

13 ความคิดเห็น:

  1. ใช่แล้วครับ ต้องท่องคำว่าเพียรทนเข้าไว้

    ตอบลบ
  2. เวลากับความรักสัมพันธ์กันจริงๆครับ ถ้าเรามีเวลาแต่ไม่ใส่ใจด้วยความรัก มันก็ไม่มีความหมายอะไร

    ตอบลบ
  3. หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ฉะนั้นการที่เราจะประสบความสำเร็จในเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ก็จำเป็นที่จะต้องมีความพากเพียรอดทนอย่างแท้จจริงครับ เจ๋วว่ะเพื่อน 555

    ตอบลบ
  4. ชอบคติพจน์นี้เหมือนกันเลย ชีวิตบางครั้งไม่จำเป็นต้องพูดอธิบายอะไรมากมาย แต่เวลาจะช่วยอธิบายได้ดีกว่าคำพูด ....กาลเวลาจะบอกได้ว่าใครบ้างที่จริงใจ และรักเราจริง

    ตอบลบ
  5. การย้อนกลับไปมองอดีต มันเป็นสิ่งที่ดีมาก ความรักกับการเวลามันก็อยู่ด้วยกัน แต่บางครั้งในบางช่วงความรักอาจจะไม่มีก็ได้เมื่อ คนเราเริ่มที่จะไม่คิดที่จะรัก แต่ถ้าเริ่มรักเมื่อไรเวลานั้นก็จะมีความสุข แม้จะทุกข์หรือเหนื่อยมันก็ภูมิจะกับความรักในเวลานั้นนะครับ

    ตอบลบ
  6. จะมีนาฬิกาเรือนละกี่แสน แต่ถ้าไม่เป็นคนรักษาเวลาก็ไม่มีค่าอะไรเลย

    ตอบลบ
  7. เวลาหนึ่งนาที ก็มีค่า ถ้าคนนั้นกำลังเสียใจ
    เวลาหนึ่งวินาที ก็มีค่า ถ้าคนนั้นกำลังจะตาย

    เวลาไม่เคยคอยใคร
    เวลาเดินตรงและเที่ยง
    ขัดกับคนที่เฉไปมา

    มีเวลา ทำให้เกิดค่าและประโยชน์
    ถ้าเกิดโทษ ก็อย่ามีเลยเวลา.

    ตอบลบ
  8. "กาลเวลา . . . นำพาใครสักคนเดินผ่านเข้ามาในชีวิต
    กาลเวลา . . . ทำให้เราพบเจอใครสักคน
    กาลเวลา . . . ทำให้พบว่า การที่เดินจากมาด้วยตัวเอง
    ทำให้ได้เจอกับโลกใบใหม่ที่สวยงามกว่าเดิม"

    ตอบลบ
  9. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  10. ขอบคุณทุกความคิดเห้นนะครับ ฮ่าๆ

    ตอบลบ
  11. Wow its good insight article... follow your dream..

    ตอบลบ